หมาขี้ร้อน หากเสังเกตให้ดีๆ ก็จะสามารถเห็นว่า น้องหมาก็มีความแตกต่างของปัจจัยเกี่ยวกับร่างกายที่ส่งผลต่อการทนความร้อนที่แตกต่างกันได้เช่นเดียวกับคน ซึ่งน้องหมาที่มีปัญหาอย่างรวดเร็ว ทันทีที่เผชิญความร้อนมักเป็นสายพันธุ์น้องหมาที่มีปัญหาเรื่องการระบายความร้อนและระบบทางเดินหายใจเป็นหลัก มาดูกันว่ามีน้องหมาสายพันธุ์ไหนบ้างที่มีโอกาสเสี่ยงเสียชีวิตได้เร็วกว่าสายพันธุ์อื่นๆ เมื่อต้องเผชิญกับอากาศที่ร้อนจัด

หมาขี้ร้อน มี 10 สายพันธุ์ที่เสี่ยงเสียชีวิตได้ในหน้าร้อน

หมาขี้ร้อน หรือน้องหมาแต่ละพันธุ์มีโครงสร้างร่างกายและถิ่นกำเนิดที่แตกต่างกัน ทำให้มีความทนทานต่ออุณหภูมิที่แตกต่างกันออกไป

1. หมาขี้ร้อน พันธุ์ปั๊ก (Pug)

ปั๊กเป็นน้องหมาหน้าสั้น กะโหลกศีรษะทึบ รูจมูกแคบหรือตีบ เพดานปากบนรี ทำให้เพดานปากส่วนอ่อนยาวเกินไปหายใจไม่สะดวก อีกทั้งปั๊กมีหลอดลมตีบเล็กกว่าปกติ ทำให้มีปัญหาเรื่องการหายใจ ดังนั้น เมื่ออากาศร้อน พวกเขาจะหายใจหอบเพื่อระบายความร้อนได้ยากลำบาก ร่างกายจึงเก็บสะสมความร้อนไว้มาก ส่งผลให้เกิดอาการฮีตสโตรกได้ง่าย จำเป็นอย่างมากที่ผู้เลี้ยงจะต้องดูแลพวกเขาอย่างใกล้ชิดในช่วงหน้าร้อนนี้

2. หมาขี้ร้อน พันธุ์อิงลิช  บูลด็อก (Bulldog)

น้องหมาสู้วัวอย่างบูลด็อกก็เป็นหนึงในน้องหมาที่จะต้องคอยระมัดระวังดูแลเป็นพิเศษในช่วงหน้าร้อน เนื่องจากพวกเขาเป็นน้องหมาหน้าสั้น จึงมีปัญหาในเรื่องการหายใจ  การพาพวกเขาเดินเล่นกลางแจ้งหรือช่วงเวลาที่ร้อนจัด ปล่อยให้พวกเขาตากแดด จะทำให้ร่างกายเกิดความร้อน ต้องเร่งหอบเพื่อระบายความร้อนให้ร่างกายเย็นลง แต่เนื่องจากพวกเขามีใบหน้าสั้น อาจส่งผลให้ทางเดินหายใจส่วนบนบวมและอักเสบได้ แล้วอุณหภูมิร่างกายก็จะยิ่งสูงขึ้นมากจนทำให้สมองบวม ความดันเลือดสูง และเส้นเลือดในร่างกายแตกได้เลยทีเลย

3. หมาขี้ร้อน พันธุ์เฟรนด์ บูลด็อก (French Bulldog)

เฟรนช์ บูลด็อก น้องหมาขี้เล่นก็เป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่อาจเสียชีวิตได้หากไม่สามารถระบายความร้อนภายในร่างกายได้ ภายในระยะเวลาอันสั้นนะคะ เนื่องจากพวกเขามีใบหน้าสั้น หลอดลมตีบ ความเสี่ยงที่จะเกิดความร้อนสูงขึ้นในร่างกายจึงเกิดขึ้นได้ง่าย อีกทั้งด้วยลักษณะนิสัยพวกเขามักตื่นตัว แอคทีฟ ขี้เล่น ตื่นเต้น ตื่นตกใจ ทำให้เกิดการเผาผลาญพลังงานมากขึ้น เร่งความร้อนของร่างกายเพิ่มเข้าไปอีก ทางที่ดีช่วงหน้าร้อนนี้ให้หาเพื่อนที่เย็นๆ สร้างบรรยากาศสบายๆ เงียบสงบให้พวกเขาได้อยู่

4. หมาขี้ร้อนพันธุ์บ็อกเซอร์ (Boxer)

บ็อกเซอร์เป็นน้องหมาร่างใหญ่ หน้าดูโหด แต่ขี้เล่น ไฮเปอร์อยู่ไม่ใช่น้อย ไม่ค่อยจะอยู่นิ่ง จึงทำให้ร่างกายของพวกเขามีการเผาผลาญพลังงานอยู่ตลอดเวลา (สังเกตได้ว่าพวกเขาไม่ค่อยจะอ้วนกันสักเท่าไหร่)  ด้วยเหตุนี้เอง การปล่อยให้พวกเขาวิ่งเล่นอิสระกลางแจ้งในช่วงหน้าร้อน มีโอกาสเสียงที่พวกเขาจะไม่สบายถึงขั้นช็อกหมดสติได้โดยที่ตัวน้องหมาเองก็ไม่รู้ตัว อีกทั้งพวกเขาเป็นน้องหมาหน้าสั้น ระบบการหายใจไม่ดีเท่าที่ควร ร่างกายจึงระบายความร้อนได้น้อยกว่าสายพันธุ์น้องหมาที่กระบอกหน้ายาวนั่นเอง

5. หมาขี้ร้อน พันธุ์คาวาเลียร์ คิง ชาร์ล สแปเนียล (Cavalier King Charles Spaniel)

คาวาเลียร์ คิง ชาร์ล สแปเนียล ถึงแม้หน้าจะสั้นไม่มาก แต่โดยสายพันธุ์แล้วพวกเขาเป็นน้องหมาที่เปราะบางมากๆ ชอบอยู่ในอาการเย็น ผิวเปราะบางไม่ทนต่อการถูกแสงแดด และร่างกายร้อนได้รวดเร็ว ส่งผลให้อยู่กลางแดดได้ไม่นานเท่าไหร่ ก็จะหอบ หัวใจเต้นแรง และช็อกได้ภายในระยะเวลาอันสั้น

6. หมาขี้ร้อน พันธุ์บอสตัน เทอร์เรีย (Boston Terrier)

บอสตัน เทอร์เรียร์ มีลักษณะร่างกายหน้าตาคล้ายๆ กับบ็อกเซอร์ เพียงแต่ย่อขนาดเล็กลงมาพวกเขา แอคทีฟร่างเริง ห่วงเล่น จึงมักไม่ค่อยรู้ตัวว่าตัวเองกำลังเผชิญความร้อนอยู่ มัวแต่ห่วงเล่น กว่าจะรู้ตัวก็เกิดสัญญาณร้ายถึงอาการฮีตสโตรกแล้ว ประกอบกับเป็นน้องหมาหน้าสั้น จึงหายใจได้ไม่คล่อง การระบายความร้อนจึงน้อยลง โอกาสเสี่ยงที่จะร่างกายทนต่อความร้อนไม่ไหวจึงสูงขึ้นและล้มป่วยได้ง่าย ผู้เลี้ยงต้องคอยสังเกตไม่ให้คลาดสายตาเลย

7. หมาขี้ร้อนพันธุ์ชิห์ สุ (Shih Tzu)

ชิห์ สุ น้องหมาที่ได้รับความนิยมเลี้ยงมากที่สุดสายพันธุ์หนึ่งในเมืองไทยก็เป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่ต้องจับตามองในช่วงหน้าร้อนนี้ เพราะโดยปกติแล้วพวกเขามีใบหน้าสั้นจึงมีปัญหาเรื่องระบบทางเดินหายใจ หายใจมีเสียง ประกอบกับขนที่ยาวจึงเก็บความร้อนไว้ในร่างกายมากกว่าปกติ ควรหลีกเลี่ยงปล่อยพวกเขาให้เดินเล่นในช่วงแดดแรง อากาศร้อนตามลำพังเพราะอุ้งเท้าของพวกเขาจะพองอักเสบได้ ส่งผลให้การระบายความร้อนที่ฝ่าเท่ามีปัญหา จึงแนะนำผู้เลี้ยงให้ตัดขนพวกเขาให้สั้นลง กักบริเวณให้อยู่ในที่ร่ม เตรียมน้ำให้ดื่ม จะได้เสี่ยงเกิดอาการฮีตสโตรกได้น้อยลง อยู่กับเราได้นานขึ้น ตามอายุขัยของพวกเขา

8. หมาขี้ร้อน พันธุ์ปักกิ่ง (Pekinese)

ปักกิ่งเป็นน้องหมาพันธุ์เล็กขนยาวที่หน้าสั้นมากๆ แทบจะเรียกได้ว่าเป็นหน้าหมาที่ใบหน้าแบน ไม่มีกระบอกปาก ทำให้ระบบหายใจมีปัญหา หายใจมีเสียง หายใจได้ค่อนข้างถี่สั้น แล้วยิ่งมีขนที่หน้ายาวก็จะยิ่งเก็บความร้อนไว้ในร่างกายมากขึ้น จึงจำเป็นที่ผู้เลี้ยงจะต้องคอยสังเกตและระมัดระวังเรื่องสุขภาพของพวกเขาในหน้าร้อนนี้ ไม่ควรพาน้องหมาออกไปเดินเล่นหากอากาศยังร้อนอยู่ แล้วทันทีที่เห็นว่าพวกเขาหายใจผิดปกติแม้จะอยู่ในร่มก็ไม่ควรนิ่งดูดาย ให้รีบไปตรวจสุขภาพกับสัตวแพทย์

9. พันธุ์เชา เชา (Chow Chow)

เชา เชา เป็นน้องหมาที่หน้าค่อนข้างสั้น จึงมีปัญหาในการหายใจ หายใจไม่คล่อง ประสิทธิภาพในการหายใจหอบน้อยลง จึงระบายความร้อนได้ยากขึ้น นอกจากนี้ พวกเขายังมีขน 2 ชั้นที่หนา และ ปกป้องความหนาวเย็น และ ป้องกันน้ำซึมสู่ผิวหนังได้เป็นอย่างดี จึงยิ่งให้ร่างกายเก็บความร้อนมากยิ่งขึ้น การจัดพื้นที่ให้พวกเขาอยู่ในห้องปรับอากาศและให้กินอาหารน้อยลงกว่าปกติเพื่อลดการเผาผลาญที่จะยิ่งทำให้เกิดความร้อนขึ้นในร่างกายได้มากขึ้นนั่นเอง

10. พันธุ์โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever)

ถึงโกลเด้น รีทรีฟเวอร์จะเป็นน้องหมาที่มีกระบอกหน้ายาว แต่พวกเขาเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่มีโอกาสเสี่ยงเกิดอาการฮีตสโตรกได้ค่อยข้างสูง เนื่องด้วยสภาพร่างกายของพวกเขาเปราะบาง เป็นน้องหมาเกิดมาเพื่ออยู่กับน้ำ หรือที่ที่เย็น โดยเฉพาะ มีขนหนายาวปกคลุมเหมือนสิงโต และที่สำคัญพวกเขา กินเก่ง จึงอ้วนง่าย มีไขมันสะสม จึงทำให้ร่างกายเก็บความร้อนไว้เป็นอย่างดี ในขณะที่พวกเขาระบายความร้อนได้เพียงการหอบ และบริเวณต่อมเหงื่อที่อุ้งเท้า กับ จมูกเท่านั้น ผู้เลี้ยงจึงควรให้พวกเขาอยู่ในที่ร่มช่วงที่อากาศร้อนจัด หรือจะพาไปว่ายน้ำ ให้กินอาหารน้อยลง ตัดเล็มขนที่อุ้งเท้า ก็จะช่วยผ่อนความเสี่ยงที่จะป่วยเพราะอากาศร้อนจากหนักเป็นเบาแล้ว

หมาขี้ร้อน

วิธีดูแลน้องหมาในหน้าร้อน

1.ห้ามปล่อยน้องหมาอยู่ในรถที่ไม่ได้เปิดแอร์เด็ดขาด

ในวันธรรมดาทั่วไป ที่มีอุณหภูมิเย็นสบายประมาณ 25c แต่ในรถที่ตากแดดนั้น อุหภูมิจะพุ่งสูงเกือบ 2 เท่าทีเดียว (ประมาณ 50c) ไม่ต้องคิดกันเลยว่า ในวันที่ร้อนสุดๆ ของประเทศไทยที่ระดับ 35c-40c นั้น ภายในรถจะร้อนสักแค่ไหน

การเปิดหน้าต่างรถทั้งหมด แม้จะช่วยระบายอาการได้บ้าง แต่อุณหภูมิภายใน ก็ยังสูงมากอยู่ดี เพราะฉะนั้น ทางที่ดี หากต้องไปไหน วางแผนกันดีๆ ให้น้องหมาอยู่บ้าน หรือสถานที ที่มีคนดูแลดีกว่าครับอย่าพาน้องไปนั่งเตาอบในรถเลยจะดีกว่า

2. หลีกเลี่ยงการให้น้องหมา เดินบนพื้นปูนหรือยางมะตอย

เราต้องไม่ลืมว่า น้องหมาไม่มีรองเท้าเหมือนกับคน ลองนึกภาพว่าถ้าเราเดินเท้าเปล่าบนพื้นปูนร้อนๆ จะเจ็บแสบขนาดไหน ยิ่งปัจจุบัน เพื่อนๆ ส่วนใหญ่ก็จะเลี้ยงหมาในบ้านกัน เพราะฉะนั้น เท้าของน้องหมา ยิ่งบอกบางกว่าปกติ การให้น้องหมาเดินบนพื้นถนน เป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง

3. น้ำสะอาด ควรเติมไม่ให้ขาด

ในช่วงหน้าร้อน น้องหมาขี้ร้อนจะมีความต้องการน้ำเปล่ามากกว่าปกติ การเติมน้ำให้เต็มเสมอเป็นเรื่องที่ดีครับ และควรหมั่นสังเกตถ้วยน้ำด้วย ควรเปลี่ยนน้ำทุกๆ วันในบางครั้งน้องหมากินอาหารเสร็จ ก็จะไปกินน้ำตามปกติ ซึ่งมักจะมีเศษอาหารตกลงไปในถ้วยน้ำเสมอ ในหน้าร้อน สิ่งของเน่าเสียง่ายน้ำเปล่าที่ทิ้งไว้ อาจจะกลายเป็นน้ำเน่า อาจจะใช้เครื่องให้น้ำแบบน้ำวนผ่านตัวกรอง ก็เป็นอีกทางเลือกสำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาอยู่บ้าน ทำใหสะดวกมากขึ้น

4. เลือกเวลาออกกำลังกายให้เหมาะสม และอย่าชวนน้องหมาเล่นมากเกินไป

การเล่นกับน้องหมาเป็นเรื่องที่ดีแต่ในช่วงหน้าร้อนนี้อาจจะต้องระวังสักหน่อย น้องหมาขี้ร้อนมากกว่าปกติ พยายามอย่าชวนเล่นในช่วงที่กลางวันที่อากาศร้อนเกินไป การพาเดินเล่นเบาๆ ในช่วงเช้าหรือช่วงเย็นเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า และต้องหมั่นสังเกตอาการของน้องหมา ถ้าเริ่มหอบรุนแรง และเริ่มนิ่ง ต้องให้พักและหาน้ำให้ทานนะครับ

5.หาที่นอนหรือเสื้อเจลเย็นเตรียมไว้

ปกติเราจะเห็นน้องหมาชอบแอบไปนอนหน้าตู้เย็น หรือจุดที่แอร์เป่าเป็นประจำ แต่สำหรับบางบ้านที่ไม่ได้เปิดแอร์ตลอด หรือบริเวณหน้าตู้เย็น เป็นจุดที่ไม่เหมาะหรือไม่อนุญาตให้น้องหมาเข้าไป การมีที่นอนเจลเย็นเตรียมไว้ก็เป็นเรื่องดีทีเดียว น้องหมาจะใช้เป็นจุดพัก เวลาที่เริ่มรู้สึกตัวร้อนเกินไป หมาขี้ร้อนก็สามารถนอนได้สบายๆ

วิธีคลายร้อนให้น้องหมา

1. ใช้ผ้าเย็นบังพัดลม

สำหรับวิธีนี้สามารถทำได้ทั้งตอนที่เราอยู่ในบ้านหรือนอกบ้านก็ได้ เพียงแค่สังเกตอาการของน้องหมาว่าเริ่มเหนื่อยหอบหรือยัง หากเริ่มมีอาการเพียงแค่นำน้องหมาไปอยู่หน้าพัดลมแล้วใช้ผ้าเย็นบังหน้าพัดลมเพื่อให้ลมพัดไปเย็นจากผ้าไปสู่ตัวน้องหมา เพียงแค่นี้ก็จะทำให้น้องหมาขี้ร้อนรู้สึกดีขึ้น สำหรับใครที่อยู่นอกบ้านสามารถใช้พัดลมมือถือแทนก็ได้

2. คลุมกรงด้วยผ้าชุบน้ำแข็งหรือน้ำเย็น

และวิธีต่อมานี้เราใช้กับกรณีที่น้องหมาอยู่ในกรง เพียงแค่นำผ้าไปชุบน้ำแข็งหรือน้ำเย็น บิดให้หมาดแล้วนำมาคลุมไว้เหนือกรง ไอเย็นจะเคลื่อนตัวลงมาที่กรง ส่งผลให้น้องหมาขี้ร้อนไม่รู้สึกร้อนได้ ซึ่งวิธีนี้จะดีกว่าการที่เราให้น้องหมาปะทะกับความเย็นโดยตรงที่อาจก่อให้เกิดอาการปอดบวมนั่นเอง

3. แอลกอฮอล์ล้างแผลก็คลายร้อนได้

ในส่วนของแอลกอฮอล์ล้างแผลนั้นไม่ได้มีประโยชน์เพียงแค่ฆ่าเชื้อโรคเท่านั้น เพราะมีสารระเหยที่ก่อให้เกิดความเย็น แอลกอฮอล์จึงช่วยคลายความร้อนให้น้องหมาขี้ร้อนได้เช่นกัน เพียงแค่นำแอลกอฮอล์มาฉีดพ่นหรือทาบริเวณฝ่าเท้า ใต้รักแร้ หรือขาหนีบ ซึ่งเป็นบริเวณที่มีต่อมเหงื่ออยู่มากที่สุด หลังจากนั้นเปิดพัดลมช่วยในการถ่ายเทความร้อนอีกครั้ง

4. แผ่นรองนอนเก็บความเย็น

การใช้แผ่นรองนอน Cooling Pad ปัจจุบันนี้มีหลายชนิดให้เลือก ซึ่งแต่ละแบบนั้นจะมีแผ่นเจลที่ช่วยระบายความร้อนจากตัวน้องหมา แต่ถ้าหากใครที่ไม่อยากเสียเงินซื้อจะทำเองก็ได้ เพียงแค่นำผ้าชุบน้ำหมาดๆ มาปูบนพื้นหรือที่นอนของน้องหมา

5. น้ำเย็นคลายร้อน

การใช้น้ำเย็นคลายร้อนนั้นทำได้ทั้งการให้น้องหมาดื่มอย่างสม่ำเสมอ แต่ต้องไม่ลืมเปลี่ยนน้ำบ่อยๆ เพื่อป้องกันเชื้อโรคต่างๆ ที่อาจทำให้น้องหมาท้องร่วง นอกจากนี้ยังใช้ในการประคบคลายร้อนได้ด้วย หรือหากใครจะหาพื้นที่ให้น้องหมาเล่นน้ำเย็นๆ ไปเลยก็ได้ แต่สระที่หาให้น้องหมาเล่นน้ำนั้นไม่ควรลึกเกินไปจนอาจทำให้น้องหมาจมน้ำ

6. ให้น้องหมาอยู่แต่ในบ้าน

และวิธีสุดท้ายนั้นเป็นอีกวิธีง่ายๆ ถ้าหากว่าวันไหนอากาศร้อนอบอ้าวมากๆ ไม่ควรพาน้องหมาขี้ร้อนออกไปข้างนอก แต่ควรให้น้องหมาหลบร้อนอยู่ในบ้าน และอยู่บริเวณร่มรื่นของบ้าน อากาศเย็นสบาย ไม่ว่าจะเป็นนอกบ้านหรือภายในบ้านก็ได้ แต่หากใครที่อยากให้น้องหมาตากแอร์ แนะนำให้เปิดแอร์ที่อุณหภูมิประมาณ 25 – 26 องศากำลังดี

วิธีสังเกตอาการผิดปกติของน้องหมาขาดน้ำ

วิธีสังเกตอาการที่ผิดปกติของหมาขี้ร้อนที่อาจจะเกิดขึ้นเวลาน้องหมาขาดน้ำหรือมีความร้อนที่สูงเกินไป

1. หายใจหอบรุนแรง
2. ปากแห้งจมูกแห้ง น้ำลายเหนียวยืด
3. เนื้อตัวร้อนกว่าปกติ
4. ฉี่เป็นสีเข้มและข้น
5. มีการอาการท้องเสีย หรืออาเจียน

วิธีการเหล่านี้เป็นการสังเกตเบื้องต้น ถ้าเห็นอาการต้องรีบพักหาน้ำให้ดื่มน้องหมาดื่ม การใช้ผ้าชุดน้ำเช็ตตัวสามารถทำได้ แต่ไม่ต้องถึงขนาดใช้น้ำแข็งจะทำให้อุณหภูมิลดต่ำเร็วเกินไป เป็นอันตรายได้ ถ้าไม่ไหวจริงๆ รีบพาไปหาสัตวแพทย์

ภาวะช็อคจากความร้อนสูงในสุนัข

อาการเริ่มแรกของ heat stroke คือ สัตว์หายใจเร็ว หัวใจเต้นเร็ว อาเจียน ท้องเสีย มีภาวะขาดน้ำ หากไม่ได้รับการแก้ไขทันทีอาการจะมีความรุนแรงขึ้นโดยสัตว์จะมีภาวะหายใจลำบาก เยื่อเมือกสีม่วงคล้ำ เกิดจุดเลือดออก (petechial hemorrhages) เป็นลม (collapse) ชัก เสียการทรงตัว ปัสสาวะน้อย ท้องเสียเป็นเลือด และอาเจียนเป็นเลือด เหงือกที่เคยมีสีแดงเข้มอาจเริ่มมีสีซีดหรือซีดอมเทา ชีพจรอ่อน อุณหภูมิที่เคยสูงขึ้นอาจลดต่ำลงมาอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าปกติ และอาจพบอาการทางประสาทได้ ส่วนความเสียหายที่เกิดขึ้นเมื่อสัตว์เกิดภาวะ heat stroke

  1. ไต : อุณภูมิที่สูงมีผลโดยตรงต่อ renal tubular epithelium และมีผลโดยอ้อมคือการลดลงของปริมาณเลือดที่ไปเลี้ยงไต ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดภาวะไตวาย
  1. ทางเดินอาหาร:อุณภูมิที่สูงมีผลโดยตรงต่อทางเดินอาหารและลำไส้ โดยมักทำให้เนื้อเยื่อบริเวณนั้นถูกทำลายและเกิดเป็นเนื้อตาย ส่งผลให้สัตว์เกิดภาวะท้องเสียและอาเจียนเป็นเลือดได้
  1. สมอง : อาจพบภาวะสมองบวมน้ำและเนื้อสมองตายเนื่องจากอุณหภูมิที่สูงขึ้นส่งผลให้ผนังเส้นเลือด (cerebral vascular endothelium) ถูกทำลายโดยอุณหภูมิที่เพิ่มสูงกว่า 109 องศาฟาเรนไฮด์เป็นเวลานานอาจทำให้เซลล์ประสาทถูกทำลายอย่างถาวร ส่งผลให้เกิดภาวะ coma และเกิดภาวะสมองถูกทำลายอย่างถาวร (permanent brain damage) ตามมา
  1. ตับและหัวใจ : อุณหภูมิที่สูงขึ้นทำให้เซลล์ตับและกล้ามเนื้อหัวใจตาย

 

ไม่ว่าหมาขี้ร้อนสายพันธุ์ไหนก็มีโอกาสเสียชีวิตในหน้าร้อนได้เหมือนกันทั้งนั้น ผู้เลี้ยงควรสอดส่องดูแลน้องหมาของตัวเองให้ดื่มน้ำตลอดวัน หลีกเลี่ยงการนอนกลางแสงแดด และที่สำคัญห้ามทิ้งน้องหมาไว้ในรถเด็ดขาดแม้เพียงไม่กี่นาทีก็ตาม เพราะเราไม่อาจรู้ได้ว่าร่างกายของน้องหมาเรานั้นสามารถระบายความร้อนและทนต่อความร้อนได้มากขนาดไหน อย่าปล่อยให้ความชะล่าใจของเราพรากพวกเขาไปจากเราตลอดกาล

 

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง

ที่มาของบทความ

 

ติดตามอ่านเรื่องเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงได้ที่ otvorenidirektorijum
สนับสนุนโดย  ufabet369